บทที่ 4 การเผชิญหน้า
อีธานยืนอยู่โดยที่กระดุมเสื้อเชิ้ตสามเม็ดยังไม่ได้ติด ขณะที่เสื้อเบลาส์ของเคทเลื่อนหลุดจากไหล่ข้างหนึ่ง ทั้งสองยืนเคียงข้างกัน โดยที่อีธานโอบไหล่ของเคทไว้อย่างสบายๆ
เขายิ้มมุมปากราวกับจงใจ พลางลูบไล้ปลายนิ้วไปบนผิวเนียนละเอียดของเคท
ใบหน้าของเบลคมืดคล้ำลงด้วยความโกรธ
“เคท เธอไม่มีอะไรจะอธิบายหน่อยเหรอ” เขาเค้นเสียงลอดไรฟัน กำหมัดแน่น ไม่ไกลจากเขา โซเฟียกำลังพิงรถของเธออยู่ เธอมาพร้อมกับเบลค แต่ตอนนี้ใบหน้าของเธอกลับซีดเผือดอย่างเห็นได้ชัด และสีหน้าก็เต็มไปด้วยไอสังหาร
เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ยังไง อีธานจะมาแตะต้องตัวเคทได้ยังไง
โซเฟียเดินเข้าไปช้าๆ ใบหน้าของเธอมืดมนลงขณะมองภาพตรงหน้า
“ไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ เมื่อกี้เธอยังพร่ำบอกรักฉันอยู่เลยนี่ เป็นอะไรไปล่ะ กลัวเขาจนพูดไม่ออกแล้วหรือไง”
อีธานหันมาลูบแก้มของเคท น้ำเสียงของเขาสบายๆ แต่ก็แฝงไปด้วยการหยั่งเชิง
ฝ่ามือของเขาอุ่นซ่านบนผิวของเธอ และเคทก็กำลังเพลิดเพลินกับสัมผัสนั้นเป็นอย่างยิ่ง
“ฉันไม่ได้กลัวเลยสักนิด” เธอตอบด้วยน้ำเสียงหวานหยด “ฉันแค่ไม่เปลืองน้ำลายคุยกับพวกงี่เง่า”
เธอซบหน้าถูไถกับมือของเขา ดวงตาเปล่งประกายด้วยความรักใคร่ ปฏิกิริยานี้ทำให้อีธานไม่ทันตั้งตัว
‘นี่ยังไม่ถึงฤดูใบไม้ผลิเลย แต่เคทกลับทำตัวเหมือนกำลังติดสัด เธอโดนวางยาหรือเปล่านะ’ อีธานคิด
เขาขมวดคิ้วพลางวางมือบนหน้าผากของเธอเพื่อวัดอุณหภูมิ
ไม่ร้อนนี่นา เธอดูไม่เหมือนคนที่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของอะไรเลย
ทุกการกระทำของพวกเขาราวกับไม่สนใจการมีอยู่ของคนอื่น ใบหน้าของเบลคเคร่งตึงขึ้น กรามของเขาขบกันแน่นจนแทบแหลก
“เคท! เธอหาว่าฉันเป็นคนงี่เง่างั้นเหรอ” เขาตวาด
เคทหันหน้ามา เอนตัวพิงอีธานเล็กน้อย “ใช่ และไม่ใช่แค่คุณ ผู้หญิงที่อยู่ข้างหลังคุณด้วย เห็นไหมล่ะ ฉันยุติธรรมดีออก—ด่าพวกคุณทั้งคู่เท่าๆ กันเลย”
เธอเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง รอยยิ้มของเธอเจิดจรัส
คำพูดของเธอทำให้ทั้งเบลคและโซเฟียโกรธจนแทบกระอักเลือด
ข้างๆ กันนั้น อีธานยังคงนิ่งเงียบ เพียงแค่สังเกตการณ์ เขากำลังวิเคราะห์ พยายามทำความเข้าใจเจตนาของเคท
เขารู้ว่าเคทกำลังใช้เขาเป็นเครื่องมือยั่วโมโหเบลค
แต่การเรียกเบลคว่าคนงี่เง่าดูจะรุนแรงเกินไปหน่อย เธอไม่กลัวว่าจะต้องแตกหักกับพวกเขาทั้งสองคนเลยหรือไง
ราวกับรับรู้ความคิดของเขา เคทเขย่งปลายเท้าและโน้มตัวเข้าไปใกล้ รอยยิ้มของเธอแฝงความนึกสนุกอย่างร้ายกาจ
ในวินาทีต่อมา ริมฝีปากอ่อนนุ่มของเธอก็ประทับลงบนริมฝีปากของเขา ทำให้อีธานตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ สมองของเขาว่างเปล่าไปหมด
เบลคโกรธจัดจนแทบคลั่ง
เธอกล้านอกใจเขาซึ่งๆ หน้า!
ยัยนี่คงอยากตายนักสินะ!
เบลคกำหมัดแน่นและก้าวเข้าไปกระชากแขนเคทอย่างแรง เขาอยากจะด่าทอเธอ แต่เมื่อนึกถึงมรดกมหาศาลที่เธอกำลังจะได้รับ เขาก็ยับยั้งชั่งใจไว้ได้
“เคท บอกฉันมา เธอถูกบังคับใช่ไหม” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่พยายามอดกลั้น “ถ้าเธอถูกบังคับ ฉันจะช่วยเธอเอง ไม่ต้องห่วง”
เขาเสนอทางลงให้เธอ โดยหวังว่าเธอจะคว้าโอกาสนี้ไว้และยอมถอยแต่โดยดี
แต่เคทกลับผลักเขาออกไป แล้วสาดชาในมือใส่หน้าเขาทันที
อีธานขมวดคิ้ว มือที่กำลังจะยื่นออกไปปกป้องเธอค่อยๆ ชักกลับ เขายืนมองอย่างอยากรู้ว่าเธอจะทำอะไรต่อไป
“ช่วยฉันเหรอ ฉันต้องให้คนงี่เง่าอย่างคุณมาช่วยด้วยรึไง” เคทแค่นหัวเราะ “เบลค ฉันคือคู่หมั้นของอีธาน ฉันรักเขาและกำลังจะแต่งงานกับเขา ส่วนคุณ...ไปให้ไกลจากฉันที่สุดเท่าที่จะทำได้ เข้าใจไหม”
เธอควงแขนอีธานแน่น พร้อมกับขยิบตาให้เขาอย่างขี้เล่น ราวกับกำลังรอคำชมสำหรับการแสดงของเธอ
เคทดูเหมือนกำลังรอการยอมรับจากเขา อีธานจ้องมองใบหน้าของเธอ ความคิดในหัวค่อนข้างสับสนวุ่นวาย
เขาไม่คาดคิดว่าเธอจะพูดแบบนั้นออกมาจริงๆ
‘หรือว่าเธอจะรู้อะไรบางอย่างเข้าแล้ว’ อีธานคิด
อะไรนะ เจออะไรเหรอ
เคทหันขวับ ตอนนี้เธอแน่ใจแล้วว่าได้ยินความคิดของอีธาน แต่ทำไมเธอถึงไม่ได้ยินมันตลอดเวลากันล่ะ
“เคท”
โซเฟียแทรกความคิดของเธอขึ้นมา ในที่สุดเธอก็ออกมาจากด้านหลังเบลค เรียกชื่อเคทด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล เคทไม่เปิดโอกาสให้เธอได้พูดต่อ
ในชาติที่แล้ว โซเฟียหลงรักอีธาน
เดาได้ไม่ยากเลยว่าเธอกำลังจะเริ่มแสดงบทบาทสาวน้อยผู้บริสุทธิ์แสนดี เคทไม่ลังเลที่จะสาดน้ำชาอีกถ้วยใส่หน้าเธอ
จากนั้นเธอก็ยกมือขึ้น ปิดประตู การกระทำทั้งหมดต่อเนื่องลื่นไหลในคราวเดียว
“ไปบอกไอ้แก่สารเลวนั่นด้วยว่าฉันไม่ใช่คนของตระกูลเจนนิงส์อีกต่อไป”
นอกประตู เบลคกับโซเฟียยืนตะลึงงัน
ทั้งสองสบตากัน ต่างฝ่ายต่างก็งุนงงและมีแผนการของตัวเองอยู่ในใจ
โซเฟียเป็นฝ่ายพูดก่อน “ดูเหมือนเคทจะตกใจกับเรื่องอะไรบางอย่างนะคะ เธอ—”
“ช็อกกับผีสิ เธอก็แค่หาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัว” เบลคพูดขัด “แต่ดูจากนิสัยของเธอแล้ว การเปลี่ยนแปลงกะทันหันแบบนี้มันไม่ปกติ ต้องมีใครบางคนอยู่เบื้องหลังแน่ๆ อีธาน...ใช่ ต้องเป็นเขาแน่”
อีธาน เรื่องระหว่างเรามันยังไม่จบ!
เบลคเดินกระทืบเท้าจากไปอย่างฉุนเฉียว ขณะที่โซเฟียยังคงอ้อยอิ่งอยู่หน้าประตู ไม่ยอมจากไปไหน เมื่อเข้าไปไม่ได้ เธอก็ทำได้เพียงก้มหน้าลงและกำหมัดแน่น
ขณะเดียวกัน ภายในคฤหาสน์ บนโซฟา
อีธานขยับตัวออกห่างเล็กน้อย เคทก็รีบขยับเข้าไปใกล้ทันที เขาขยับ เธอก็ตาม จนแทบจะเบียดเขาไปจนสุดขอบโซฟา
อีธานหันมามอง ขมวดคิ้วมุ่น
“เคท คุณ—”
“อีธาน ตอนนี้คุณสัมผัสถึงความจริงใจของฉันได้หรือยังคะ ฉันรักคุณจริงๆ นะ” เคทพูดแทรกพร้อมกับโอบแขนรอบคอเขา ดวงตาของเธอเป็นประกายสดใสราวกับเด็กน้อยที่กำลังรอคำชมและลูกกวาด
อีธานมองเธอ แววตาของเขาอ่อนลงเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่เชื่อคำพูดของเธออยู่ดี เขาค่อยๆ แกะเธอออกจากตัว
เคทก็แค่กลับไปเกาะเขาอีกครั้ง คราวนี้เกาะแขนเขาไว้
ทันใดนั้น เสียงกริ่งประตูก็ดังขึ้น มิลานมาถึงแล้ว
มิลานพาผู้มีพลังจิตมาด้วยจริงๆ ซึ่งทำให้เคทรู้สึกระอาใจเล็กน้อย
อีธานคิดในใจ ‘ในเมื่อมาถึงแล้ว ก็อาจจะให้ผู้มีพลังจิตตรวจดูเคทหน่อยดีไหม บางที...’
เธอได้ยินอีกแล้ว!
ผู้ชายหยิ่งยโสคนนี้คิดว่าเธอถูกผีเข้าจริงๆ สินะ!
เคทเบะปากแล้วปล่อยแขนเขาอย่างงอนๆ แต่ทันทีที่เธอปล่อยมือ ความคิดของอีธานก็หายไป
เกิดอะไรขึ้นกันนะ
ก่อนที่เธอจะทันได้คิดหาคำตอบ ข้อมือของเธอก็ถูกคว้าไว้แล้วถูกดึงไปยังบันได
‘ช่างมันเถอะ เรื่องเหนือธรรมชาติมันเชื่อถือไม่ได้ ส่งเธอขึ้นไปข้างบนก่อนดีกว่า ก่อนที่เธอจะก่อเรื่องอีก’ อีธานครุ่นคิด
เธอได้ยินความคิดของเขาอีกแล้วเหรอ
เคทก้มลงมองข้อมือที่ถูกเขากำไว้ และในที่สุดก็เข้าใจในทันที เธอโผเข้ากอดอีธานแน่นทันที
อีธานคิด ‘เธอทำตัวแปลกๆ อีกแล้วเหรอ’
พอเธอคลายอ้อมกอด ความคิดนั้นก็หายไป
เป็นอย่างนี้นี่เอง!
“ผมต้องคุยกับมิลาน” อีธานเอ่ย
“ไม่ต้องห่วงค่ะ ฉันไม่แอบฟังหรอก” เคทตอบพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ หอมแก้มเขาฟอดหนึ่งก่อนจะวิ่งขึ้นบันไดไป มิลานยืนมองอ้าปากค้างด้วยความตกใจ
เดี๋ยวนะ มีบางอย่างไม่ถูกต้อง เคทกินยาผิดขนาดหรือเปล่า ถ้าเขาจำไม่ผิด เมื่อวานนี้เองที่เคทบังเอิญเดินชนอีธานแล้วมองเขาด้วยสายตารังเกียจ
“มิลาน ไปสืบมาว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนงานหมั้นของเคท ถ้าเจออะไรผิดปกติให้รีบรายงานผมทันที”
อีธานแตะแก้มตัวเองพร้อมกับถอนหายใจ ขณะที่มิลานรีบออกไปทำตามคำสั่ง
ไม่นานหลังจากนั้น มิลานก็โทรเข้ามา
อีธานเคาะนิ้วเบาๆ บนที่วางแขน “ว่าไง เจออะไรบ้างไหม”



































































